Corporate
07 March 2018

บีซีพีจีแถลงผลประกอบการปี 2560 ลงทุนในต่างประเทศให้ผลตามเป้า กำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 31 มาร์เก็ตแคปเพิ่มขึ้นร้อยละ 68 พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลทั้งปี รวมหุ้นละ 0.61 บาท

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ประกาศผลการดำเนินงานประจำปี 2560 มีกำไรสุทธิ 2,016 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากปี 2559 ร้อยละ 31 โดยมีที่มาหลักๆ จากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมที่ลงทุนในโครงการพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์และพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย ขณะที่รายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.7 เมื่อเทียบกับปี 2559 พร้อมประกาศจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.16 บาทต่อหุ้น รวมจ่ายเงินปันผลทั้งปีในอัตราหุ้นละ 0.61 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,216 ล้านบาท

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี 2560 กลุ่มบริษัทฯ มีรายได้จากการขายไฟฟ้า 3,323 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละประมาณ 8 เมื่อเทียบกับปี 2559 เป็นผลจากรายได้เพิ่มที่มาจากโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์เต็มปีหรือเกือบเต็มปี ได้แก่ โครงการโซลาร์สหกรณ์ในประเทศไทย (กำลังการผลิตรวม 12 เมกะวัตต์) และโครงการโรงไฟฟ้านิคาโฮและนากิในประเทศญี่ปุ่น (กำลังการผลิตรวม 24 เมกะวัตต์) และมีกำไรสุทธิ 2,016 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับปี 2559 โดยมีสาเหตุหลักจากการบันทึกกำไรจากเงินลงทุนและประเมินค่าจากการลงทุนในโครงการพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ (ตามสัดส่วนการถือหุ้นร้อยละ 40 กำลังการผลิต 14.4 เมกะวัตต์) และพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย (ตามสัดส่วนการถือหุ้น ร้อยละ 33.33 กำลังการผลิต 158.0 เมกะวัตต์) ในขณะที่มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) ของบริษัทนั้น มีการเติบโตร้อยละ 68 (จาก 28,258 ล้านบาท ณ วันที่ 4 มกราคม เป็น 47,416 ล้านบาท ณ วันที่ 29 ธันวาคม 2561)

ในปี 2560 บริษัทฯ ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ ประมาณ 232 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการเข้าทำการป้องกันความเสี่ยงสำหรับการลงทุนในโครงการพลังงานความร้อนใต้พิภพ ประเทศอินโดนีเซีย

ณ สิ้นปี 2560 กลุ่มบริษัทฯ มีสินทรัพย์รวมประมาณ 32,099 ล้านบาท เติบโตขึ้นร้อยละ 26 จากโครงการลงทุนในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย มีหนี้สินรวมประมาณ 17,730 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นประมาณ 14,369 ล้านบาท

ในปี 2561 บริษัทฯ จะยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีโครงการที่จะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์คือโครงการโซลาร์ฟาร์ม โกเทมบะ (Gotemba) ในประเทศญี่ปุ่น (กำลังการผลิต 4 เมกะวัตต์) ในไตรมาสที่ 1/2561 และ โครงการโซลาร์ฟาร์มสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตรกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์ (กำลังการผลิตรวม 9 เมกะวัตต์) ในไตรมาสที่ 2/2561 ส่วนแผนการขยายธุรกิจ บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญกับการขยายธุรกิจพลังงานหมุนเวียนทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง และจะเริ่มให้ความสำคัญการทำการตลาดกับผู้บริโภครายย่อยมากขึ้น เน้นการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับผู้บริโภคโดยตรง เพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ด้วยการนำ Blockchain Technology มาบริหารจัดการการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนผ่านอินเตอร์เน็ตในรูปแบบ Peer-to-Peer โดยมีบริษัทพาวเวอร์เล็ดเจอร์ ประเทศออสเตรเลีย เป็นพันธมิตร ร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ ได้แก่ Smart Green Community ร่วมกับบมจ.แสนสิริ ซึ่งคาดว่าโครงการแรกจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงกลางปี 2561 รวมถึงการพัฒนา Smart Park ร่วมกับการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก และการร่วมลงทุนกับ บมจ.บางจาก ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปบนหลังคาสถานีบริการน้ำมันบางจาก และอาคารร้านค้าที่อยู่ภายในสถานีบริการ และยังคงมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจด้านนี้อย่างต่อเนื่อง

โดยในปีนี้ บีซีพีจีมีแผนจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าอีก 200 เมกะวัตต์จากสิ้นปี 2560 ที่มีกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนถือหุ้นรวมอยู่ที่ประมาณ 600 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้งบลงทุนสำหรับการขยายกิจการใหม่และโครงการที่มีอยู่เดิมรวมทั้งสิ้นประมาณ 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีการเตรียมพร้อมองค์กรเพื่อรองรับการเติบโตทางธุรกิจ ด้วยการพัฒนาบุคลากรโดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์นวัตกรรม และให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2561 ได้มีมติอนุมัติให้เสนอขออนุมัติต่อผู้ถือหุ้นในการจ่ายเงินปันผลสำหรับผลการดำเนินงานงวดวันที่ 1 ตุลาคม - 31 ธันวาคม 2560 หรือไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 ในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท และเมื่อรวมกับเงินปันผลระหว่างกาลงวดวันที่ 1 มกราคม - 30 กันยายน 2560 ที่ได้จ่ายไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.45 บาท จะเป็นเงินปันผลที่จ่ายในปี 2560 รวมอัตราหุ้นละ 0.61 บาท คิดเป็นเงินรวมประมาณ 1,216 ล้านบาท ทั้งนี้ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 14 มีนาคม 2561 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 8 พฤษภาคม 2561 โดยตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XD (Exclude Dividend) ในวันที่ 13 มีนาคม 2561 และกำหนดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ในวันที่ 24 เมษายน 2561 เวลา 13.30 น. ณ อาคาร เอ็มทาวเวอร์ ถนนสุขุมวิท