ข่าวสาร
“บีซีพีจี” ได้รับความเชื่อมั่นจาก “ทริส” คงอันดับเครดิตองค์กร และหุ้นกู้ที่ A- แนวโน้ม “Stable” สะท้อนรายได้มั่นคง พร้อมเปิดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ยาบูกิ ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติมตามแผน
ทริสเรทติ้งเชื่อมั่น ”บีซีพีจี” คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้บีซีพีจี ที่ระดับ A- แนวโน้ม “Stable” หรือ คงที่ สะท้อนถึงรายได้ที่มั่นคง มีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีการกระจายตัวดีและมีความหลากหลายของแหล่งพลังงาน รวมถึงเป็นแฟลคชิปของกลุ่มบางจากที่รองรับความผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน และสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ขณะที่บีซีพีจีเดินหน้าเปิดขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์โครงการยาบูกิ ในญี่ปุ่นได้ต่อเนื่องตามแผน
นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ยังคงให้ความเชื่อมั่นในบริษัทฯ และหุ้นกู้เพื่ออนุรักษ์สิ่งแวดล้อม หรือ กรีนบอนด์ ที่บริษัทฯ ออกจำหน่ายเมื่อปีที่แล้ว โดยยังคงอันดับเครดิต ที่ A- แนวโน้ม “Stable” โดยการจัดอันดับเครดิตดังกล่าวเป็นผลจากมุมมองของทริสเรทติ้งที่เห็นว่าบริษัทฯ มีรายได้ที่มั่นคง และมีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจผลิตไฟฟ้าที่มีการกระจายตัวเป็นอย่างดีโดยมีความหลากหลายของแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้า
ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าของบีซีพีจีทุกแห่งมีสัญญาขายไฟฟ้าระยะยาว ให้กับหน่วยงานการไฟฟ้าของรัฐบาล หรือการไฟฟ้าหลักของประเทศนั้นๆ โดยปัจจุบัน บีซีพีจีมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังน้ำ อยู่ใน 4 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ประเทศญี่ปุ่น ประเทศฟิลิปปินส์ และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งโครงการใน สปป.ลาว จะเริ่มขายไฟฟ้าผ่านสายส่งไปยังสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามปลายปีนี้
“ทริสเรทติ้งมองว่ากลยุทธ์การลงทุนของบริษัทฯ ที่มีการกระจายตัวที่ดี จะช่วยลดความเสี่ยงให้แก่บริษัทฯ ทั้งในส่วนของประเทศที่เข้าไปลงทุนและแหล่งพลังงานในการผลิตไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือและพึ่งพาได้ นอกจากนี้การคงอันดับเครดิตยังสะท้อนถึงรายได้ที่มั่นคงจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานการไฟฟ้าภาครัฐหรือหน่วยงานสาธารณูปโภคในภูมิภาคของประเทศที่บริษัทฯ เข้าไปลงทุน” นายนิวัติกล่าวเพิ่มเติม
สำหรับการขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ ทำให้บริษัทฯ ได้รับเงินจากการขายดังกล่าวจำนวนประมาณ 14,500 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมกับกระแสเงินคงเหลือ ทำให้บริษัทฯ มีเงินสดรวมทั้งสิ้น ประมาณ 25,000 ล้านบาท สามารถนำไปขยายการลงทุนในโครงการต่างๆ และสร้างการเติบโตในอนาคตตามแผนกลยุทธของบริษัทฯ ที่ได้มีการวางแผนเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ทริสยังมองว่าบีซีพีจีเป็นหน่วยงานที่ดำเนินธุรกิจด้านการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนใน เครือของ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งทำหน้าที่สนับสนุนกลยุทธ์ของกลุ่มในการสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจน้ำมัน และมีกระแสเงินสดที่มีความมั่นคง รองรับความผันผวนของธุรกิจโรงกลั่นน้ำมัน อีกทั้งยังเป็นธุรกิจหลักที่สนับสนุนกลุ่มบางจากฯ สำหรับเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)
ทั้งนี้ นายนิวัติ อดิเรกได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 15 เมษายนที่ผ่านมา โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยาบูกิ จังหวัด ฟูกูชิมะ ประเทศญี่ปุ่น ได้เปิดดำเนินการผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ร้อยละ 100ตามแผนที่วางไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ยาบูกิ มีกำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟฟ้า 20 เมกะวัตต์ กับบริษัท โตโฮกุ อิเล็คทริค เพาเวอร์ จำกัด (Tohoku Electric Power Company) ภายใต้การลงทุนแบบทีเค สัดส่วนร้อยละ 100 โดยมีราคารับซื้อไฟฟ้าแบบ Feed-in-Tariff (FIT) ที่ 36 เยนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ภายใต้ระยะเวลาสัญญา 20 ปี
“สัญญาการขายไฟฟ้าดังกล่าว เป็นสัญญาระยะยาว และขายให้หน่วยงานไฟฟ้าหลักของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกระแสรายได้หลักที่มั่นคงเพิ่มเติมอีกแหล่งหนึ่ง และบริษัทฯ มีความมั่นใจว่าจากประสบการณ์การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในสาธารณรัฐไต้หวัน ทั้ง 469 เมกะวัตต์ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย” นายนิวัติกล่าวทิ้งท้าย
ปัจจุบัน บีซีพีจีมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศญี่ปุ่น กำลังการผลิตตามสัญญาขายไฟ รวม 89.7 เมกะวัตต์ การเปิดดำเนินการของโครงการฯ ยาบูกินี้ ทำให้บริษัทฯ มีโรงไฟฟ้าพลังงงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว รวมเป็น 79.7 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้างและพัฒนา อีกจำนวน 10.0 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ในปี 2566