ข่าวสารบริษัท
02 ตุลาคม 2560

บีซีพีจีเติบโตแข็งแกร่ง กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์จากปีที่แล้ว มั่นใจ พร้อมเปิดดำเนินการโซล่าร์ราชการได้ในไตรมาส 2/2561

2 ตุลาคม 2560วันนี้ (29 กันยายน 2560) เวลา 16.00 น.  บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ได้ร่วมลงนามในพิธีลงนามสัญญาร่วมลงทุนให้สิทธิขายไฟฟ้า ตามโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก ณ ที่ทำการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกในพระบรมราชูปถัมภ์  โดยโครงการฯ ที่กลุ่มบริษัทบีซีพีจีเป็นผู้ร่วมลงทุนผ่านการคัดเลือก 2 โครงการ  คิดเป็นกำลังการผลิตรวมประมาณ 9 เมกะวัตต์

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการ   (โซลาร์ราชการ) ร่วมกับองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกฯ ที่บริษัทฯ เป็นผู้ร่วมลงทุน ได้รับการคัดเลือกจำนวน 2 โครงการ ประกอบด้วย

1. โครงการที่อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี ร่วมกับ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เขตลพบุรี กำลังการผลิตตามสัญญา 5 เมกะวัตต์
2. โครงการที่อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ร่วมกับ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก เขตสุพรรณบุรี กำลังการผลิตตามสัญญาประมาณ 4 เมกะวัตต์

โดยจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในต้นปี 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2561 และสามารถรับรู้รายได้ในทันทีด้วยอัตราการรับซื้อไฟฟ้าที่ 4.12 บาทต่อหน่วย เป็นระยะเวลา 25 ปี กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)

“จะเห็นได้ว่าโครงการที่บีซีพีจีร่วมลงทุนเป็นการขยายธุรกิจไปในพื้นที่ที่ใกล้กับที่ตั้งโครงการเดิมทั้งโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์สหกรณ์ในพื้นที่จังหวัดอยุธยาและจังหวัดอ่างทอง จึงทำให้การบริหารจัดการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถใช้บุคลากรและอุปกรณ์เครื่องมือบางส่วนร่วมกันได้ นอกจากนี้ จากการที่บีซีพีจีดำเนินธุรกิจโซลาร์ฟาร์มในประเทศไทยมาตั้งแต่ปี  2554 จนปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมเกือบ 200 เมกะวัตต์ ทำให้เรามีพันธมิตรที่พร้อมจะร่วมมือทำงานและจัดหาวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างด้วยต้นทุนต่ำ รวมถึงค่าที่ดินที่บริษัทจัดหามาได้ในราคาที่เหมาะสม  ทำให้เกิดต้นทุนที่แข่งขันได้มากขึ้น  ส่งผลให้เกิดอัตราผลตอบแทนสูงขึ้น ในขณะเดียวกันเรามีความตั้งใจจะให้โครงการดังกล่าวก่อประโยชน์กับทหารผ่านศึกทั้งทางตรงจากส่วนแบ่งรายได้ที่มั่นคง และทางอ้อมทั้งจากนโยบายการสร้างงานให้ทหารผ่านศึกและชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้เกิดความยั่งยืนทั้งต่อชุมชนและหน่วยงานรัฐ”

ทั้งนี้ การสนับสนุนโครงการโซลาร์ราชการ เป็นไปตามนโยบายของบริษัทฯ ในการดำเนินงานที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสังคม ตามแนวทางการทำกิจการเพื่อสังคม (Social Enterprise) โดยนายบัณฑิตได้แสดงความขอบคุณองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกที่คัดเลือกผู้ร่วมลงทุนที่มีความมั่นคงและมีประสบการณ์ในการดำเนินการ รวมทั้งมีหลักธรรมาภิบาลในการดำเนินธุรกิจ  ทำให้มั่นใจได้ว่าโครงการโซลาร์ราชการทุกโครงการจะสำเร็จตามเจตนารมณ์และสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติในวงกว้าง
            
“บริษัทฯ มีความยินดีที่จะเข้าร่วมโครงการอื่นๆ เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนโครงการในประเทศหลากหลายรูปแบบ รวมถึงการลงทุนในโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป  และอยู่ระหว่างศึกษาโครงการ Internet of Energy หรือการซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนผ่านทางอินเตอร์เน็ตร่วมกับพันธมิตรในต่างประเทศอีกด้วย”

ทั้งนี้ ในปี 2560 บริษัทฯ มีกำลังการผลิตติดตั้งทั่วโลกรวมทั้งสิ้น  585 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 211 เมกะวัตต์จากปี 2559  โดยเพิ่มจากโครงการโซลาร์ราชการ 9 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมในประเทศฟิลิปปินส์ 20 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ประเทศอินโดนีเซีย 182 เมกะวัตต์ อนึ่ง ถ้านับในส่วนของกำลังการผลิตที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มจาก 203 เมกะวัตต์ในปี 2559 เป็น 394 เมกะวัตต์ในปีนี้แล้ว จัดว่าบีซีพีจีมีเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา (ปี 2559) เกือบเท่าตัวหรือประมาณร้อยละ 94