บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ1 (“บริษัทฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและมีการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฏหมายที่เกี่ยวข้อง จึงขอแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ท่านทราบเพื่อเป็นการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

1. ข้อมูลส่วนบุคคล

1.1 ลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล

ในเอกสารฉบับนี้

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่ทำให้สามารถระบุถึงตัวบุคคลธรรมดานั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยไม่รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถึงแก่กรรม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (เช่น การสแกนลายนิ้วมือ การสแกนใบหน้า เป็นต้น) หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

1.2.1 กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

  • พนักงาน ซึ่งหมายถึง บุคคลซึ่งปฏิบัติงานหรือทำงานให้กับบริษัทฯ โดยได้รับค่าจ้าง สวัสดิการ ค่าตอบแทนอื่นไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตามจากบริษัท เพื่อเป็นการตอบแทนการทำงาน โดยไม่รวมถึงผู้รับจ้างหรือผู้ให้บริการที่เป็นคู่ค้าของบริษัทฯ

1.2.2 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

  • ข้อมูลส่วนบุคคลประเภททั่วไป ได้แก่

    1. ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน ได้แก่ ชื่อและนามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย เลขที่ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ สัญชาติ สถานภาพสมรส สถานภาพทางทหาร ข้อมูลบุคคลในครอบครัว เป็นต้น

    2. ข้อมูลติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และข้อมูลบุคคลอ้างอิง เป็นต้น

    3. ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ หมายเลขไอพี (IP Address) ประเภทของโปรแกรมบราวเซอร์ (Browser) และคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น

    4. ข้อมูลคุณสมบัติ ได้แก่ ข้อมูลด้านการศึกษา การฝึกอบรม หนังสือรับรองคุณวุฒิ (เช่น สถาบันการศึกษา คณะ ปีการศึกษา เป็นต้น) วุฒิบัตรการศึกษา ทรานสคิปท์ ความสามารถทางภาษา ความสามารถทางคอมพิวเตอร์ การประเมินศักยภาพในการทำงาน ข้อมูลการทดสอบต่างๆ ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมในระหว่างการศึกษา เป็นต้น

    5. ข้อมูลเกี่ยวกับการรับสมัครงาน เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน ประวัติการศึกษา ข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารประกอบการรับสมัครงานและเอกสารประกอบการรับเข้าเป็นพนักงานของบริษัทฯ ข้อมูลการสัมภาษณ์งาน หนังสือและเอกสารข้อมูลที่ปรากฎในแบบประเมินผลการสัมภาษณ์งาน เป็นต้น(เช่น ข้อมูลการประเมินผลความรู้ความสามารถ และประสบการ บุคลิกลักษณะ การทำงานเป็นทีม และความสามารถในการปฏิบัติงาน เป็นต้น)

    6. ข้อมูลเกี่ยวกับการทำนิติกรรมต่างๆ ของบริษัทฯ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หนังสือมอบอำนาจ หนังสือสัญญาต่างๆ เป็นต้น

    7. ข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานและการประเมินผล เช่น รหัสพนักงาน ตำแหน่ง สังกัด สายการบังคับบัญชา ข้อมูลการใช้ระบบสื่อสารและระบบสารสนเทศของนายจ้าง การประเมินผลการปฏิบัติงาน ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมในการทำงาน ประวัติผลงานที่เคยได้รับ ข้อมูลการกู้ยืมเงินของพนักงาน ข้อมูลการฝึกอบรม ใบลาออกและเหตุผลที่ลาออก เป็นต้น

    8. ข้อมูลเกี่ยวกับผลประโยชน์และค่าตอบแทน เช่น เงินเดือน ค่าจ้าง ค่าตอบแทน สวัสดิการ โบนัส เลขบัญชีธนาคาร ข้อมูลของผู้รับผลประโยชน์ ข้อมูลเกี่ยวกับการประกันสังคม ข้อมูลเกี่ยวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ข้อมูลด้านภาษีอากร ข้อมูลสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับสุขภาพ (รวมถึงข้อมูลของครอบครัว) ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้สวัสดิการของบริษัทฯ ข้อมูลประวัติการลา การใช้สิทธิประโยชน์ในการกู้ยืม การยินยอมให้หักเงินเดือน ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน ที่เกี่ยวข้องกับการใช้สิทธิประโยชน์ของพนักงาน เป็นต้น

    9. ข้อมูลเกี่ยวกับสถิติทางทะเบียน เช่น วันเริ่มงาน วันครบกำหนดทดลองงาน จำนวนชั่วโมงการทำงาน ประวัติการลาและสาเหตุการลา บันทึกการเข้าใช้ระบบต่างๆ ของบริษัทฯ เป็นต้น

    10. ข้อมูลการใช้งานระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เช่น การใช้คอมพิวเตอร์ ข้อมูลระบบโครงข่าย และระบบอีเมล เป็นต้น

    11. ข้อมูลเพื่อการรายงานความขัดแย้งทางผลประโยชน์ เช่น ข้อมูลการถือหุ้น ข้อมูลความสัมพันธ์ของพนักงานและบุคลากรของบริษัทฯ และคู่ค้าของบริษัทฯ เป็นต้น

    12. ข้อมูลอื่นๆ ที่ประกอบการทำหน้าที่ของพนักงาน เช่น การบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว การบันทึกเสียงสนทนา เป็นต้น

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

    เช่น ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ภาพจำลองใบหน้า เป็นต้น) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประวัติสุขภาพ (เช่นรายงานการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มงาน รายงานการตรวจสุขภาพประจำปี รายละเอียดใบรับรองแพทย์ในการเบิกสวัสดิการของบริษัทฯ เป็นต้น) ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลผลตรวจสารเสพติด เป็นต้น

ข้อสงวนสิทธิ : บริษัทฯ ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ในกรณีที่บริษัทฯ ต้องขอเอกสารระบุตัวตน เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง หรือเอกสารอื่นๆ ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (sensitive data) ได้แก่ ศาสนา หรือ หมู่เลือด บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บข้อมูลดังกล่าว จึงขอให้ท่านเจ้าของข้อมูลดำเนินการขีดฆ่า หรือ ปิดทึบ ข้อมูลส่วนนั้น ทั้งนี้ หากท่านมิได้ดำเนินการตามที่แจ้ง บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการถือเสมือนว่าบริษัทฯ ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้

2. การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนบุคคล

บริษัทฯ เคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และตระหนักดีว่าเจ้าของข้อมูล ย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลของตน ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯได้ จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยบริษัทฯ มีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง และการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หากกฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือขณะทำการเก็บรวบรวม และจะดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ระบุไว้โดยแจ้งชัด

ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงเฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นด้วยวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทฯ อาจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก (ก) ระบบอัตโนมัติผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน หรือ (ข) บุคคลภายนอก เช่น เว็บไซต์ของบุคคลที่สาม บุคคลอ้างอิงของท่าน หน่วยงานของรัฐ บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ข้อมูลที่ได้มาจากช่องทางการร้องเรียน เป็นต้น

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของพนักงานของบริษัทฯ ทั้งก่อนการเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาระหว่างพนักงานและบริษัทฯ ได้แก่ การบรรจุพนักงานและบุคลากรเข้าทำงาน การปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานและบุคลากรตามสัญญาจ้างหรือข้อตกลงการว่าจ้าง การอนุมัติเงินเดือน สวัสดิการและผลประโยชน์ การฝึกอบรม การโอนย้ายไปปฏิบัติงานในองค์กรอื่น การประเมินผลงาน การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการจ่ายค่าจ้าง เงินเดือน โบนัส ค่าตอบแทนหรือสิทธิประโยชน์ใดๆตามสัญญาจ้าง การบริหารและดูแลเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด ได้แก่ การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบใดๆและคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม กฎหมายว่าด้วยกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฎหมายภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ กฎหมายว่าด้วยความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน เป็นต้น
  • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การจัดทำฐานข้อมูล ทะเบียนประวัติ และการติดต่อ การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ การประมวลผลที่มีความจำเป็นในการอนุมัติเงินเดือนและผลประโยชน์สำหรับพนักงานและบุคลากร การพัฒนาพนักงานและบุคลากร การจัดสรรสวัสดิการด้านต่างๆ การบริหารด้านการเงินและงบประมาณ การติดต่อภายใน การติดต่อบุคคลภายนอก การดำเนินการทางทะเบียน การมอบอำนาจ การจัดทำหนังสือรับรอง การจัดทำเอกสารเผยแพร่แก่สาธารณะ การจัดทำรายงาน การจัดส่งข้อมูลให้หน่วยงานราชการหรือหน่วยงานที่กำกับดูแล การจัดให้มีสิ่งอำนวยความสะดวก การรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางสารสนเทศ การตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สินของบริษัทฯ การตรวจสอบเกี่ยวกับข้อร้องเรียนและการทุจริต การลงโทษทางวินัยและบันทึกประวัติการถูกลงโทษทางวินัย การสอบถามความเห็นและความพึงพอใจของพนักงาน การก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้ซึ่งสิทธิเรียกร้องของบริษัทฯ ในขั้นตอนต่างๆ ตามกฎหมาย การพ้นสภาพการเป็นพนักงานหรือบุคลากรของบริษัทฯ เป็นต้น
  • เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของพนักงานหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
  • เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของเรา หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้
  • เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่บริษัทฯ ได้ขอความยินยอมต่อท่าน และท่านได้ให้ความยินยอมนั้นไว้แล้วกับบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพิ่มเติม โดยในกรณีดังกล่าวบริษัทฯจะดำเนินการแจ้งและขอความยินยอมต่อท่านเป็นคราวๆไป

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยให้อำนาจในการเก็บรวบรวมได้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เช่น กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ หรือ กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และ บริษัทฯ อาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ เป็นต้น

ทั้งนี้หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะจัดให้มีคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และจะแจ้งให้ท่านทราบ และดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน

5. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในคำประกาศฉบับนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทฯ ยังมีความสัมพันธ์กับท่านในฐานะพนักงานหรือบุคลากรของบริษัทฯ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ และท่านสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตามในกรณีที่กฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีความจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย บริษัทฯอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ข้างต้น

ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาข้างต้น บริษัทฯ จะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล จากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัทฯ หรือของบุคคลอื่นที่ให้บริการแก่บริษัทฯ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้

6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย

บริษัทฯ กำหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ดังนี้

7.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูล

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯ ได้

7.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทฯ มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

7.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ อาจมีการพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม หากแบบแจ้งนี้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ

7.9 สิทธิในการร้องเรียน

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัทฯ ได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทฯ สงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อจำกัดโดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะอย่าง อาจส่งผลให้ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทฯ อาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้บริการใดๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่บริษัทฯ ต้องการ

8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น

บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้แก่บุคคลและหน่วยงาน ดังต่อไปนี้

  • บริษัทในเครือทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยหมายรวมถึงกรรมการผู้บริหาร พนักงาน และบุคลากรของบริษัทฯ เท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • คู่ค้าทางธุรกิจที่ท่านเป็นผู้ติดต่ออันเกี่ยวข้องกับหน้าที่หรือตำแหน่งงาน คู่ค้าทางธุรกิจอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ผู้ให้บริการ และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ บริษัทฯ มอบหมายให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนบริษัทฯ ในการให้บริการงานด้านต่างๆ เช่น การตรวจสุขภาพ การให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ การฝึกอบรม การชำระเงิน การบริการด้านสุขภาพ หรือการบริการด้านสวัสดิการอื่นๆ รวมถึงการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เป็นต้น
  • ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายนอกและภายในบริษัทฯ เป็นต้น
  • หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาศัยอำนาจของกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เช่น กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน สำนักงานประกันสังคม กรมการปกครอง กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เป็นต้น
  • ลูกค้า คู่ค้า คู่สัญญาของบริษัทฯ ที่ท่านเป็นผู้ติดต่อสื่อสารหรือเกี่ยวข้องกับหน้าที่หรือตำแหน่งของท่าน หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลังกัน
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว

ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทฯต้องขอความยินยอมจากท่านก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อน โดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ทั้งในรูปเอกสารและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งในระหว่างการส่งผ่านข้อมูลทุกขั้นตอน

อนึ่ง ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

9. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

10. วิธีการติดต่อ

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

เบอร์โทรศัพท์ : 02-335-8999

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

อีเมล : DPOoffice@bcpggroup.com

11. การเปลี่ยนแปลงคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวปฏิบัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะทำการพิจารณาทบทวนเงื่อนไขคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบด้วยการเผยแพร่ผ่านช่องทางที่เหมาะสมของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นระยะ

ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ1 (“บริษัทฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และมีการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฏหมายที่เกี่ยวข้อง จึงขอแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ท่านทราบเพื่อเป็นการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

1. ข้อมูลส่วนบุคคล

1.1 ลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล

ในเอกสารฉบับนี้

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่ทำให้สามารถระบุถึงตัวบุคคลธรรมดานั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยไม่รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถึงแก่กรรม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (เช่น การสแกนลายนิ้วมือ การสแกนใบหน้า เป็นต้น) หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

1.2.1 กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

  • คู่ค้า หมายถึง บุคคลที่เข้าเสนอราคาเพื่อขายสินค้า และ/หรือให้บริการแก่บริษัทฯ หรือได้ลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ หรือมีความสัมพันธ์อื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันกับบริษัทฯ และให้รวมถึงผู้ที่คาดว่าจะเป็นคู่ค้าของบริษัทฯ ซึ่งได้แสดงเจตนาจะเข้าทำสัญญา และ/หรือจะลงทะเบียนคู่ค้าของบริษัทฯ เช่น พ่อค้าคนกลาง ผู้ให้บริการคลังสินค้า รถขนส่ง ผู้เชี่ยวชาญ ที่ปรึกษา วิทยากร ผู้ที่สนใจร่วมทำธุรกิจ คู่สัญญา หรือบุคคลอื่นใดที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นต้น
  • ผู้ที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า หมายถึง บุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องหรือเป็นตัวแทนของคู่ค้า เช่น กรรมการ พนักงาน ตัวแทน หรือบุคลากรของผู้ที่เกี่ยวข้องกับคู่ค้า ซึ่งเป็นนิติบุคคล ให้หมายความรวมถึงผู้ที่ข้อมูลส่วนบุคคลปรากฏในเอกสารต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการที่เกี่ยวข้อง อาทิ ผู้สั่งซื้อ ผู้รับสินค้า ผู้สั่งจ่ายเช็ค เป็นต้น

1.2.2 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

  • ข้อมูลส่วนบุคคลประเภททั่วไป ได้แก่

    (ก) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน ได้แก่ ชื่อและนามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ สัญชาติ ตำแหน่งที่บริษัท และข้อมูลในรูปแบบต่างๆ ที่ใช้ในการระบุตัวตนเป็นต้น

    (ข) ข้อมูลติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ไอดีผู้ใช้สำหรับไลน์แอปพลิเคชั่น (Line ID) และข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ เป็นต้น

    (ค) ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ ได้แก่ ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาเอกสารสิทธิ เงื่อนไขการค้า เป็นต้น

    (ง) ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกรรมการซื้อขาย ได้แก่ รหัสคู่ค้า รายละเอียดของสินค้าที่ต้องการ เลขที่ใบรับสินค้า รายละเอียดการส่งสินค้าและวัตถุดิบ เลขที่บัญชี จำนวนเงิน เป็นต้น

    (จ) ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการลงทะเบียนเป็นคู่ค้ากับบริษัทฯ หรือในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น ข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาบัตรประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาใบเปลี่ยนชื่อนามสกุล สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบอนุญาตขับขี่ สำเนาคู่มือจดทะเบียนรถยนต์ เลขทะเบียนรถยนต์ ชนิดของรถยนต์ สำเนาโฉนดที่ดิน สำเนาหนังสือมอบอำนาจ สำเนาหนังสือรับรองบริษัท ใบแจ้งหนี้ ใบเสร็จรับเงิน เช็คและต้นขั้วเช็ค ใบสำคัญจ่าย และสำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพหรือธุรกิจต่างๆ

    (ฉ) ข้อมูลทางระบบเทคโนโลยี เช่น ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ (IP Address) และข้อมูลที่บริษัทฯ ได้เก็บรวบรวมผ่านคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น

    (ช) ข้อมูลอื่นๆ เช่น การบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว การบันทึกเสียงสนทนา ภาพเคลื่อนไหวที่จัดเก็บโดย CCTV เป็นต้น

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว

    เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ ภาพจำลองใบหน้า เป็นต้น) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประวัติสุขภาพ (เช่น รายงานการตรวจสุขภาพประจำปี เป็นต้น) ประวัติอาชญากรรม เป็นต้น

ข้อสงวนสิทธิ : บริษัทฯ ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ในกรณีที่บริษัทฯต้องขอเอกสารระบุตัวตน เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง หรือเอกสารอื่นๆ ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (sensitive data) ได้แก่ ศาสนา หรือ หมู่เลือด บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บข้อมูลดังกล่าว จึงขอให้ท่านเจ้าของข้อมูลดำเนินการขีดฆ่า หรือ ปิดทึบ ข้อมูลส่วนนั้น ทั้งนี้ หากท่านมิได้ดำเนินการตามที่แจ้ง บริษัทขอสงวนสิทธิในการถือเสมือนว่าบริษัทไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้

2. การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนบุคคล

บริษัทฯ เคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และตระหนักดีว่าเจ้าของข้อมูล ย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลของตน ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯได้ จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยบริษัทฯ มีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง และการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือขณะทำการเก็บรวบรวมหากกฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม และจะดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ระบุไว้โดยแจ้งชัด

ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงเฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นด้วยวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทฯ อาจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก (ก) ระบบอัตโนมัติผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน หรือ (ข) บุคคลภายนอก เช่น เว็บไซต์ของบุคคลที่สาม บุคคลอ้างอิงของท่าน หน่วยงานของรัฐ บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน เป็นต้น

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของคู่ธุรกิจก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งคู่ธุรกิจเป็นคู่สัญญา กับบริษัทฯ
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทฯ และคำสั่งโดยชอบด้วยกฏหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายว่าด้วยภาษีอากร กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของหน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
  • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจกับคู่ค้า หรือบุคคลอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน การจัดทำ และการบริหารจัดการสัญญา พิจารณาขึ้นทะเบียนคู่ค้า จัดซื้อ จัดจ้าง ตรวจรับ ชำระค่าสินค้าและบริการ บริหารจัดการความสัมพันธ์ ตรวจสอบและประเมินการทำงานตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อ หรือสัญญาหรือเอกสารอื่นๆ การบริหารจัดการภายในของเรา การจัดการ การพัฒนา การดำเนินการใดๆ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ รวมถึงการบริหารจัดการและพัฒนาสินค้า และ/หรือบริการ เช่น การทำแบบสอบถาม เข้าสัมภาษณ์ การตรวจสอบและป้องกันการฉ้อโกง หรืออาชญกรรมอื่นๆ การตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยในทรัพย์สินของบริษัทฯ หรือใช้เพื่อติดตามเอาคืนทรัพย์สิน หรือเรียกชดใช้ค่าเสียหาย ในกรณีที่มีการทำให้ทรัพย์สินของบริษัทฯ สูญหาย เสียหาย เป็นต้น การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฏหมาย เช่น การสอบสวนและ/หรือ การไต่สวนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ การเตรียมคดี การดำเนินคดี เป็นต้น การจำเป็นเพื่อประโยชน์ชอบด้วยกฎหมายในการดำเนินการใดๆ ที่จำเป็นของบริษัทฯ
  • เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่นการติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ การปฏิบัติตาม
  • เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่บริษัทฯได้ขอความยินยอมต่อท่าน และท่านได้ให้ความยินยอมนั้นไว้แล้วกับบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยให้อำนาจในการเก็บรวบรวมได้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เช่น กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ หรือ กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ ที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และบริษัทฯ อาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ เป็นต้น

ทั้งนี้หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะจัดให้มีคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และจะแจ้งให้ท่านทราบ และดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน

5. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในคำประกาศฉบับนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทฯ ยังมีความสัมพันธ์กับท่านในฐานะคู่ค้าของบริษัทฯ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ และท่านสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตามในกรณีที่กฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีความจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ข้างต้น ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาข้างต้น บริษัทฯ จะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล จากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัทฯ หรือของบุคคลอื่นที่ให้บริการแก่บริษัทฯ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้

6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย

บริษัทฯ กำหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิต่างๆ ดังนี้

7.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูล

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯ ได้

7.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทฯ มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

7.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ อาจมีการพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม หากแบบแจ้งนี้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ

7.9 สิทธิในการร้องเรียน

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัทฯ ได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทฯ สงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อจำกัดโดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะอย่าง อาจส่งผลให้ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทฯ อาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้บริการใด ๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่บริษัทฯ ต้องการ

8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น

บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้แก่บุคคลและหน่วยงาน ดังต่อไปนี้

  • บริษัทในเครือทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยหมายรวมถึงกรรมการผู้บริหาร พนักงาน และบุคลากรของบริษัทฯ เท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวมรวบข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น ผู้แทนจำหน่าย ตัวแทนในการติดต่อประสานงานกับคู่ค้า บริษัทขนส่งสินค้าหรือชิปปิ้ง บริษัทผู้ให้บริการการเดินทางทั้งทางบก อากาศ และทางน้ำ บริษัทผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน เช่น ธนาคาร รวมถึงผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่างๆ หรือผู้ให้บริการอื่นซึ่งเป็นประโยชน์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ
  • ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใด ทั้งภายนอกและภายในบริษัทฯ เป็นต้น
  • หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาศัยอำนาจของกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เช่น สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน กรมสรรพากร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เป็นต้น
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว

ทั้งนี้ การเปิดผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทฯต้องขอความยินยอมจากท่านก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อน โดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ทั้งในรูปเอกสารและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งในระหว่างการส่งผ่านข้อมูลทุกขั้นตอน

อนึ่ง ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

9. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

10. วิธีการติดต่อ

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

เบอร์โทรศัพท์ : 02-335-8999

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

อีเมล : DPOoffice@bcpggroup.com

11. การเปลี่ยนแปลงคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวปฏิบัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะทำการพิจารณาทบทวนเงื่อนไขคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบด้วยการเผยแพร่ผ่านช่องทางที่เหมาะสมของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นระยะ

ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ1 (“บริษัทฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและมีการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฏหมายที่เกี่ยวข้อง จึงขอแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ท่านทราบเพื่อเป็นการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

1. ข้อมูลส่วนบุคคล

1.1 ลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล

ในเอกสารฉบับนี้

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่ทำให้สามารถระบุถึงตัวบุคคลธรรมดานั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยไม่รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถึงแก่กรรม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (เช่น การสแกนลายนิ้วมือ การสแกนใบหน้า เป็นต้น) หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

1.2.1 กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

  • ผู้ถือหุ้นหรือผู้ถือหลักทรัพย์ หมายถึง บุคคลซึ่งมีฐานะเป็นผู้ถือหุ้น หรือผู้ถือหลักทรัพย์ของบริษัทฯ อาทิ ผู้ถือหุ้นกู้ หรือผู้ถือหลักทรัพย์ประเภทอื่น เป็นต้น ทั้งนี้ให้รวมถึง ผู้รับมอบอำนาจหรือผู้รับมอบฉันทะของบุคคลดังกล่าวด้วย
  • กรรมการ หมายถึง บุคคลที่ได้รับเลือก หรือได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะกรรมการของบริษัท

1.2.2 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

  • ข้อมูลส่วนบุคคลประเภททั่วไป ได้แก่

    (ก) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน ได้แก่ ชื่อและนามสกุล สัญชาติ เพศ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง รูปถ่าย วันเดือนปีเกิด สถานที่เกิด ส่วนสูงเป็นต้น

    (ข) ข้อมูลติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ช่องทางติดต่อทางโซเชียลมีเดียอื่นๆ เป็นต้น

    (ค) ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ หมายเลขไอพี (IP Address) ประเภทของโปรแกรมบราวเซอร์ (Browser) และคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น

    (ง) ข้อมูลเกี่ยวกับการถือหุ้นหรือหลักทรัพย์ ได้แก่ ข้อมูลจำนวนหุ้น บัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการจ่ายเงินปันผล เป็นต้น

    (จ) ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าร่วมกิจกรรมใดๆ ของบริษัทฯ ในฐานะผู้ถือหุ้นหรือผู้ถือหลักทรัพย์ของบริษัทฯ เช่น รูปถ่าย ประวัติการเข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงภาพถ่ายในแต่ละกิจกรรม เป็นต้น

    (ฉ) ข้อมูลสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งกรรมการ ได้แก่ข้อมูลการจ่ายค่าตอบแทน การจัดอบรม กิจกรรม สถานะการสมรส ข้อมูลเกี่ยวกับคู่สมรส/ผู้ที่อยู่กินกันฉันสามีภรรยา บุตร บิดา มารดา พี่น้อง หมู่โลหิต เลขบัญชีธนาคาร อีเมล ประวัติการศึกษา อาชีพ ประวัติการทำงาน การเป็นกรรมการ หรือดำรงตำแหน่งในบริษัทหรือกิจการอื่นๆ การเข้าประชุมกรรมการบริษัท หรือการประชุมคณะกรรมการชุดย่อย หรือการประชุมผู้ถือหุ้น ค่าตอบแทนกรรมการ ข้อมูลการถือหลักทรัพย์ ชื่อบริษัทหลักทรัพย์ ผลการปฏิบัติงานของกรรมการ และข้อมูลอื่นตามที่กฎหมายหรือหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีกำหนด

    (ช) ข้อมูลอื่นๆ เช่น การบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว การบันทึกเสียงสนทนา เป็นต้น

ข้อสงวนสิทธิ : บริษัทฯ ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ในกรณีที่บริษัทฯ ต้องขอเอกสารระบุตัวตน เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง หรือเอกสารอื่นๆ ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (sensitive data) ได้แก่ ศาสนา หรือ หมู่เลือด บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บข้อมูลดังกล่าว จึงขอให้ท่านเจ้าของข้อมูลดำเนินการขีดฆ่า หรือ ปิดทึบ ข้อมูลส่วนนั้น ทั้งนี้ หากท่านมิได้ดำเนินการตามที่แจ้ง บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการถือเสมือนว่าบริษัทฯ ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้

2. การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนบุคคล

บริษัทฯ เคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และตระหนักดีว่าเจ้าของข้อมูล ย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลของตน ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ได้รับจะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยบริษัทฯ มีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง และการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือขณะทำการเก็บรวบรวมหากกฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม และจะดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ระบุไว้โดยแจ้งชัด

ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงเฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นด้วยวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทฯ อาจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก (ก) ระบบอัตโนมัติผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน หรือ (ข) บุคคลภายนอก เช่น การส่งต่อข้อมูลให้กับบริษัทฯ โดยบริษัทในเครือ เป็นต้น

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านต่อบริษัทฯ
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด เช่น การบริหารจัดการบริษัท (เช่น การเริ่มตั้ง การเพิ่มทุน ลดทุน การปรับโครงสร้างกิจการ การเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน) การตรวจสอบและการจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น และ/หรือผู้ถือหลักทรัพย์ การจัดทำบัญชีและรายงาน และการจัดให้มีการประชุมผู้ถือหุ้น และ/หรือผู้ถือหลักทรัพย์ หรือกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นและ/หรือผู้ถือหลักทรัพย์ การประชุมคณะกรรมการบริษัท การสรรหาและเป็นกรรมการบริษัท รวมถึงการปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ ของการเป็นบริษัทมหาชนจำกัด หรือบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นต้น
  • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การรักษาความปลอดภัย การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถือหุ้นและ/หรือผู้ถือหลักทรัพย์ ที่มีความจำเป็นต่อการตรวจสอบและ การดำเนินการจัดการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและประโยชน์ของผู้ถือหุ้น และ/หรือผู้ถือหลักทรัพย์ รวมถึง การบริหารจัดการบริษัทฯ การจัดกิจกรรม หรือการส่งข้อมูลข่าวสารเพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้นและ/หรือผู้ถือหลักทรัพย์ การบริหารจัดการบริษัท การบันทึกภาพหรือเสียงการประชุม การรักษาความปลอดภัย การจัดกิจกรรม หรือการส่งข่าวสารหรือข้อเสนอใดๆ เพื่อประโยชน์ของกรรมการ เป็นต้น
  • เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น
  • เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่บริษัทฯได้ขอความยินยอมต่อท่าน และท่านได้ให้ความยินยอมนั้นไว้แล้วกับบริษัทฯ

บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยให้อำนาจในการเก็บรวบรวมได้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เช่น กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิ ขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ หรือ กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ ที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และบริษัทฯ อาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ เป็นต้น

ทั้งนี้ หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะจัดให้มีคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และจะแจ้งให้ท่านทราบ และดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน

5. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในคำประกาศฉบับนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทฯ ยังมีความสัมพันธ์กับท่านในฐานะผู้ถือหุ้น และ/หรือ ผู้ถือหลักทรัพย์ของบริษัทฯ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ และท่านสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่กฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีความจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย บริษัทฯ อาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ข้างต้น

ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาข้างต้น บริษัทฯ จะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล จากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัทฯ หรือของบุคคลอื่นที่ให้บริการแก่บริษัทฯ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้

6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย

บริษัทฯ กำหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิต่างๆ ดังนี้

7.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูล

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯ ได้

7.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทฯ มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

7.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ อาจมีการพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม หากแบบแจ้งนี้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ

7.9 สิทธิในการร้องเรียน

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัทฯ ได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทฯ สงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อจำกัดโดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะอย่าง อาจส่งผลให้ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทฯ อาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้บริการใดๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่บริษัทฯ ต้องการ

8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น

บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้แก่บุคคลและหน่วยงาน ดังต่อไปนี้

  • บริษัทในเครือทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยหมายรวมถึงกรรมการผู้บริหาร พนักงาน และบุคลากรของบริษัทฯ เท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ เช่น ผู้ให้บริการเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงิน ผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่างๆ หรือผู้ให้บริการอื่นที่เกี่ยวข้องเพื่อผลประโยชน์ของท่าน หรือที่เกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทฯ
  • ที่ปรึกษาของบริษัทฯ เช่น ที่ปรึกษากฎหมาย ผู้ตรวจสอบบัญชี หรือผู้เชี่ยวชาญอื่นใดทั้งภายนอกและภายในบริษัทฯ เป็นต้น
  • หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาศัยอำนาจของกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เป็นต้น
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว เช่น การใช้ในการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ของบริษัทฯ ทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ

ทั้งนี้ การเปิดผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทฯ ต้องขอความยินยอมจากท่านก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อน โดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ทั้งในรูปเอกสารและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งในระหว่างการส่งผ่านข้อมูลทุกขั้นตอน

อนึ่ง ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

9. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

10. วิธีการติดต่อ

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

เบอร์โทรศัพท์ : 02-335-8999

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

อีเมล : DPOoffice@bcpggroup.com

11. การเปลี่ยนแปลงคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวปฏิบัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะทำการพิจารณาทบทวนเงื่อนไขคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯ ฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบด้วยการเผยแพร่ผ่านช่องทางที่เหมาะสมของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นระยะ

ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ1 (“บริษัทฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและมีการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฏหมายที่เกี่ยวข้อง จึงขอแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ท่านทราบเพื่อเป็นการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

1. ข้อมูลส่วนบุคคล

1.1 ลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล

ในเอกสารฉบับนี้

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่ทำให้สามารถระบุถึงตัวบุคคลธรรมดานั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยไม่รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถึงแก่กรรม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ (เช่น การสแกนลายนิ้วมือ การสแกนใบหน้า เป็นต้น) หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

1.2.1 กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

  • ผู้สมัครงาน ซึ่งหมายถึง บุคคลที่อาจได้รับคัดเลือกเป็นบุคลากรของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ อาจเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครเองโดยตรง หรือได้รับจากบุคคลภายนอกก็ได้
  • ผู้สมัครเข้าฝึกงาน ซึ่งหมายถึง บุคคลที่สมัครเข้าเป็นผู้ฝึกงานของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ อาจเป็นผู้เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครเองโดยตรง หรือได้รับจากบุคคลภายนอกก็ได้
  • ผู้เข้าฝึกงาน ซึ่งหมายถึง บุคคลที่บริษัทฯได้คัดเลือกจากผู้สมัครเข้าฝึกงาน และบริษัทฯ ให้เข้าฝึกงานในบริษัทฯ รวมเรียกว่า “ท่าน”

1.2.2 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

  • ข้อมูลส่วนบุคคลประเภททั่วไป ได้แก่

    1. ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน ได้แก่ ชื่อและนามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย เลขที่ใบขับขี่ หนังสือเดินทาง ลายมือชื่อ สัญชาติ สถานภาพสมรส สถานภาพทางทหาร ข้อมูลบุคคลในครอบครัว เป็นต้น

    2. ข้อมูลติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล ข้อมูลผู้ที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน และข้อมูลบุคคลอ้างอิง เป็นต้น

    3. ข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานระบบอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ หมายเลขไอพี (IP Address) ประเภทของโปรแกรมบราวเซอร์ (Browser) และคุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นที่คล้ายคลึงกัน เป็นต้น

    4. ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษา การฝึกอบรม ประสบการณ์ ข้อมูลวิชาชีพ หนังสือรับรองคุณวุฒิ ใบประกาศหรือผลคะแนนที่แสดงถึงความสามารถทางภาษา หรือความสามารถอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ความสามารถทางคอมพิวเตอร์ ข้อมูลอื่นๆ ที่ท่านได้ให้ไว้ในประวัติการทำงาน (CV) เป็นต้น

    5. ข้อมูลเกี่ยวกับการรับสมัครงาน หรือสมัครเข้าฝึกงาน (แล้วแต่กรณี) เช่น ประวัติส่วนตัว ประวัติการทำงาน ประวัติการศึกษา ข้อมูลที่ปรากฎในเอกสารประกอบการรับสมัครงานและเอกสารประกอบการรับเข้าเป็นพนักงานของบริษัทฯ (เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาสูติบัตร แบบขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน หนังสือยินยอมให้สอบประวัติบุคคล สัญญาจ้างงาน เป็นต้น) ข้อมูลการสัมภาษณ์งาน หนังสือและเอกสารข้อมูลที่ปรากฎในแบบประเมินผลการสัมภาษณ์งาน เป็นต้น

    6. ข้อมูลที่จำเป็นต่อสรรหาและคัดเลือกพนักงาน หรือผู้เข้าฝึกงาน การปฏิบัติตามสัญญาการฝึกงาน และการดูแลสิทธิประโยชน์สวัสดิการ การวิเคราะห์และการบริหารงานและปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ

    7. ข้อมูลอื่นๆ เช่น การบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว การบันทึกเสียงสนทนา เป็นต้น

    8. สำหรับผู้ฝึกงาน บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับบิดามารดา หรือผู้ปกครอง บัญชีธนาคารเพื่อใช้ในการจ่ายค่าตอบแทน(ถ้ามี) ข้อมูลเกี่ยวข้องกับการฝึกงาน (เช่น นิสัย พฤติกรรม ทัศนคติ ทักษะ ความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น หรือข้อมูลอื่นๆ เพื่อใช้ประกอบการประเมินผลการฝึกงาน)

    9. ข้อมูลเกี่ยวข้องกับสถานที่ทำงานเดิม เช่น ตำแหน่งงาน หนังสือรับรองการทำงาน สำเนาเอกสารการจ่ายเงินเดือนผลตอบแทนต่างๆ ใบผ่านงาน ประวัติสรุปผลการทำงาน

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น เชื้อชาติ ศาสนา ข้อมูลชีวภาพ (เช่น ลายนิ้วมือ ภาพจำลองใบหน้า หมู่เลือด เป็นต้น) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรมเป็นต้น

    ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้สมัครงานได้รับคัดเลือกให้เป็นพนักงาน บริษัทฯ จะมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติมตามที่กำหนดไว้ตามคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับพนักงานและบุคลากรของบริษัท

ข้อสงวนสิทธิ : บริษัทฯ ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ในกรณีที่บริษัทฯ ต้องขอเอกสารระบุตัวตน เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง หรือเอกสารอื่นๆ ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (sensitive data) ได้แก่ ศาสนา หรือ หมู่เลือด บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บข้อมูลดังกล่าว จึงขอให้ท่านเจ้าของข้อมูลดำเนินการขีดฆ่า หรือ ปิดทึบ ข้อมูลส่วนนั้น ทั้งนี้ หากท่านมิได้ดำเนินการตามที่แจ้ง บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการถือเสมือนว่า บริษัทฯ ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้

2. การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนบุคคล

บริษัทฯ เคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และตระหนักดีว่าเจ้าของข้อมูล ย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลของตน ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯได้ จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยบริษัทฯ มีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง และการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หากกฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือขณะทำการเก็บรวบรวม และจะดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ระบุไว้โดยแจ้งชัด

ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงเฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นด้วยวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทฯ อาจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก (ก) ระบบอัตโนมัติผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน หรือ (ข) บุคคลภายนอก เช่น เว็บไซต์ของบุคคลที่สาม บุคคลอ้างอิงของท่าน หน่วยงานของรัฐ บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ข้อมูลที่ได้มาจากช่องทางการร้องเรียน เป็นต้น

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านในการสมัครงาน หรือเข้าฝึกงานกับบริษัทฯ โดยการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเป็นการจำเป็นเพื่อใช้ในการพิจารณาคำขอดังกล่าว เช่น การดำเนินการตามกระบวนการสรรหา ตรวจสอบคุณสมบัติ ทำฐานข้อมูล ทะเบียนประวัติและการติดต่อ การประเมินความสามารถในการทำงานของผู้สมัคร รวมถึงการปฏิบัติตามข้อตกลงการเข้าฝึกงาน การจ่ายค่าตอบแทนการฝึกงาน (ถ้ามี) และการได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆจากการฝึกงาน (ถ้ามี)
  • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ ในการรับสมัครงาน/การรับฝึกงาน หรือในการดำเนินการภายหลังการสมัครงาน/การรับฝึกงาน เช่น การส่งข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่งงาน การพิจารณาคัดเลือกผู้สมัครงานหรือผู้เข้าฝึกงาน และการตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครงานหรือผู้เข้าฝึกงาน การจัดทำสัญญาฝึกงานหรือสัญญาจ้างงานในกรณีที่ท่านผ่านการคัดเลือก การใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย รวมถึงการตรวจสอบดูแลความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของบุคคลและทรัพย์สินของบริษัทฯ เป็นต้น
  • เพื่อประโยชน์ในการป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพ โดยบริษัทฯ อาจดำเนินการติดต่อสำหรับกรณีฉุกเฉิน หรือเพื่อป้องกันโรคระบาด
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎ ระเบียบ และคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตามที่กฎหมายให้อำนาจไว้
  • เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่บริษัทฯได้ขอความยินยอมต่อท่าน และท่านได้ให้ความยินยอมนั้นไว้แล้วกับบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน (สำหรับกรณีที่กฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม) เว้นแต่เป็นกรณีตามมาตรา 24 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยให้อำนาจในการเก็บรวบรวมได้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เช่น เพื่อดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างท่านและบริษัทฯ เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ

กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่างๆ ที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และบริษัทฯ อาจไม่สามารถบริหารหรือจัดการสัญญา หรืออำนวยความสะดวกให้กับท่านได้

ทั้งนี้หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะจัดให้มีคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และจะแจ้งให้ท่านทราบ และดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน

5. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในคำประกาศฉบับนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ 5 ปี นับตั้งแต่วันที่ท่านได้บันทึกข้อมูลล่าสุดในการสมัคร (โดยบริษัทฯ จะแจ้งสอบถามความประสงค์หากท่านเจ้าของข้อมูลยัประสงค์ให้เก็บข้อมูลต่อ) บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้หลังเสร็จสิ้นการพิจารณาการรับสมัครงานในตำแหน่งนั้น เพื่อใช้ในการพิจารณาและติดต่อกับท่านในกรณีที่มีตำแหน่งงานอื่นที่บริษัทฯ เห็นว่ามีความเหมาะสมกับท่านในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการสมัครเข้าเป็นพนักงาน หรือเข้าฝึกงาน ในกรณีที่ท่านไม่ประสงค์ให้บริษัทฯ เก็บข้อมูลส่วนบุคคลไว้เพื่อประกอบการพิจารณาตำแหน่งอื่น ท่านสามารถติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางที่ระบุไว้ในคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้

ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาข้างต้น บริษัทฯ จะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล จากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัทฯ หรือของบุคคลอื่นที่ให้บริการแก่บริษัทฯ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้

กรณีที่ท่านผ่านการคัดเลือกเข้าทำงานเป็นพนักงาน บริษัทฯ จะมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปในระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการจ้างงานพนักงาน ตามที่กำหนดไว้ตาม คำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับพนักงานและบุคลากรของบริษัท

6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย

บริษัทฯ กำหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ดังนี้

7.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูล

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯ ได้

7.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทฯ มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

7.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ อาจมีการพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม หากแบบแจ้งนี้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ

7.9 สิทธิในการร้องเรียน

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัทฯ ได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทฯ สงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อจำกัดโดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะอย่าง อาจส่งผลให้ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทฯ อาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้บริการใดๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่บริษัทฯ ต้องการ

8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น

บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้แก่บุคคลและหน่วยงาน ดังต่อไปนี้

  • บริษัทในกลุ่มบริษัทฯ และหมายรวมถึงกรรมการผู้บริหาร พนักงาน และบุคลากรของบริษัทฯ เท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • บุคคลหรือนิติบุคคลอื่น และผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ มอบหมายให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลแทนบริษัทฯ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลฉบับนี้ เช่น ผู้ให้บริการเกี่ยวกับกระบวนการสรรหาและคัดเลือกบุคลากร การรักษาความปลอดภัย การตรวจสอบประวัติ ระบบสารสนเทศ หน่วยงานภาครัฐอื่นๆ เป็นต้น
  • หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาศัยอำนาจของกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว

ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทฯต้องขอความยินยอมจากท่านก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อน โดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ทั้งในรูปเอกสารและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งในระหว่างการส่งผ่านข้อมูลทุกขั้นตอน

อนึ่ง ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

9. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

10. วิธีการติดต่อ

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

เบอร์โทรศัพท์ : 02-335-8999

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

อีเมล : DPOoffice@bcpggroup.com

11. การเปลี่ยนแปลงคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวปฏิบัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะทำการพิจารณาทบทวนเงื่อนไขคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบด้วยการเผยแพร่ผ่านช่องทางที่เหมาะสมของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นระยะ

ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ1 (“บริษัทฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและมีการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฏหมายที่เกี่ยวข้อง จึงขอแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ท่านทราบเพื่อเป็นการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

1. ข้อมูลส่วนบุคคล

1.1 ลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคล

ในเอกสารฉบับนี้

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลใด ๆ ที่เกี่ยวกับบุคคลธรรมดาที่ทำให้สามารถระบุถึงตัวบุคคลธรรมดานั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม โดยไม่รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ถึงแก่กรรม

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

1.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

บริษัทฯ มีการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

1.2.1 กลุ่มหรือประเภทของบุคคลที่บริษัทฯ ทำการรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ผู้มาติดต่อและผู้เข้าร่วมกิจกรรม หมายถึง (1) ผู้มาติดต่อ หรือผู้ที่เข้ามาในบริเวณพื้นที่ของบริษัทฯ (2) ผู้เข้าร่วมกิจกรรมใด ๆ ของบริษัทฯ ไม่ว่ากิจกรรมดังกล่าวจะจัดโดยบริษัทฯ เอง หรือบุคคลที่บริษัทฯ ว่าจ้าง หรือเป็นกิจกรรมที่บริษัทฯ มีส่วนร่วมในการจัด

1.2.2 ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

  • ข้อมูลส่วนบุคคลประเภททั่วไป ได้แก่

    ผู้เข้าร่วมกิจกรรมของบริษัทฯ

    (ก) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน ได้แก่ ชื่อและนามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ ทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น

    (ข) ข้อมูลติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล แชทออนไลน์ โซเชียลมีเดีย เป็นต้น

    (ค) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจกรรมของบริษัทฯ เช่น ข้อมูลกิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่ท่านเคยเข้าร่วมในอดีตหรือที่เคยลงทะเบียนไว้ ข้อมูลรายละเอียดการชำระเงินและธุรกรรมทางการเงินของท่านที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม เป็นต้น

    (ง) ข้อมูลอื่นๆ เช่น การบันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว การบันทึกเสียงสนทนา เป็นต้น

    ผู้มาติดต่อของบริษัทฯ

    (1) เมื่อท่านเข้าในบริเวณพื้นที่ของบริษัทฯ จะมีการเก็บภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (“กล้อง CCTV”) โดยบริษัทฯจะติดป้ายให้ทราบว่ามีการใช้กล้อง CCTV ในบริเวณพื้นที่ของบริษัทฯ โดยการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนนี้ จะเป็นไปตามคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกล้องวงจรปิด

    (2) บันทึกของผู้มาติดต่อ (visitor records) ซึ่งประกอบด้วย

    (ก) ข้อมูลที่ใช้ระบุตัวตน ได้แก่ ชื่อและนามสกุล หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน รูปถ่าย ลายมือชื่อ ทะเบียนรถยนต์ เป็นต้น

    (ข) ข้อมูลติดต่อ ได้แก่ ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์ โทรสาร อีเมล เป็นต้น

    (ค) ข้อมูลการอบรมด้านความปลอดภัย

  • ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว : เช่น กรณีที่เข้าสถานที่ของบริษัทฯ บริษัทฯ อาจเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลชีวภาพ (เช่น ภาพจำลองใบหน้า) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประวัติสุขภาพ เป็นต้น

ข้อสงวนสิทธิ : บริษัทฯ ขอแจ้งให้ท่านทราบว่า ในกรณีที่บริษัทฯ ต้องขอเอกสารระบุตัวตน เช่น บัตรประชาชน หนังสือเดินทาง หรือเอกสารอื่นๆ ซึ่งอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (sensitive data) ได้แก่ ศาสนา หรือ หมู่เลือด บริษัทฯ ไม่มีความประสงค์จะเก็บข้อมูลดังกล่าว จึงขอให้ท่านเจ้าของข้อมูลดำเนินการขีดฆ่า หรือ ปิดทึบ ข้อมูลส่วนนั้น ทั้งนี้ หากท่านมิได้ดำเนินการตามที่แจ้ง บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิในการถือเสมือนว่าบริษัทฯ ไม่ได้มีการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้

2. การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนบุคคล

บริษัทฯ เคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และตระหนักดีว่าเจ้าของข้อมูล ย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลของตน ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯได้ จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยบริษัทฯ มีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง และการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล หากกฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือขณะทำการเก็บรวบรวม และจะดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ระบุไว้โดยแจ้งชัด

ทั้งนี้ บริษัทฯ อาจรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้รับมาจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่จากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรงเฉพาะในกรณีที่มีความจำเป็นด้วยวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด โดยบริษัทฯ อาจมีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจาก (ก) ระบบอัตโนมัติผ่านทางช่องทางต่างๆ เช่น การใช้คุกกี้ (Cookies) หรือเทคโนโลยีอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน หรือ (ข) บุคคลภายนอก เช่น เว็บไซต์ของบุคคลที่สาม บุคคลอ้างอิงของท่าน หน่วยงานของรัฐ บุคคลที่สามารถติดต่อได้ในกรณีฉุกเฉิน ข้อมูลที่ได้มาจากช่องทางการร้องเรียน เป็นต้น

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่าน ทั้งก่อนการเข้าทำสัญญาหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญา เช่น เมื่อได้เข้ามาติดต่อบริษัทฯ เพื่อทำการใดๆ หรือร่วมกิจกรรมต่างๆที่บริษัทฯ จัดทำขึ้น
  • เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย กฎระเบียบใดๆและคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฏหมาย เช่น กฎหมายว่าด้วยอาชีวอนามัยและสิ่งแวดล้อม กฎหมายว่าด้วยการควบคุมโรคติดต่อ เป็นต้น
  • เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย เช่น การบริหารจัดการ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการปรับปรุงการดำเนินการของบริษัทฯ หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการควบคุมการเข้าถึงอาคาร บริเวณภายในอาคาร หรือเพื่อประโยชน์ในการรักษาความปลอดภัย การป้องกันและการตรวจจับอาชญากรรม เป็นหลักฐานในการสืบสวนสอบสวนทั้งกรณีมาตรการภายในบริษัทฯ และการดำเนินการของหน่วยงานรัฐหรือองค์กรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เป็นต้น
  • เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ
  • เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของเรา หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้
  • เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่บริษัทฯได้ขอความยินยอมต่อท่าน และท่านได้ให้ความยินยอมนั้นไว้แล้วกับบริษัทฯ

บริษัทฯ จะเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเมื่อได้รับความยินยอมจากท่าน เว้นแต่เป็นกรณีที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยให้อำนาจในการเก็บรวบรวมได้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน เช่น กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น เว้นแต่ประโยชน์ดังกล่าวมีความสำคัญน้อยกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานในข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัทฯ หรือ กรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯ ดำเนินการเพื่อวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นในการปฏิบัติตามสัญญาหรือการปฏิบัติตามกฎหมายต่าง ๆ ที่ใช้บังคับ หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลที่จำเป็นดังกล่าว อาจเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และบริษัทฯ อาจไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ เป็นต้น

ทั้งนี้หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะจัดให้มีคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม และจะแจ้งให้ท่านทราบ และดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน

5. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในคำประกาศฉบับนี้ ตามหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ได้แก่ ระยะเวลาที่บริษัทฯ ยังมีความสัมพันธ์กับท่านในฐานะผู้มาติดต่อและผู้เข้าร่วมกิจกรรมของบริษัทฯ และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมายหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือเพื่อเหตุอื่นตามนโยบายและข้อกำหนดภายในของบริษัทฯ

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาไม่เกิน 10 ปี นับแต่วันที่นิติสัมพันธ์ระหว่างบริษัทฯ และท่านสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตามในกรณีที่กฎหมายอนุญาตหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวมีความจำเป็นในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย บริษัทฯอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเกินระยะเวลาที่กำหนดไว้ข้างต้น ทั้งนี้ กรณีการเก็บข้อมูลจาก CCTV ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลของท่านจะเป็นไปตามคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Notice) สำหรับกล้องวงจรปิด

ภายหลังจากครบกำหนดระยะเวลาข้างต้น บริษัทฯ จะดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล จากการจัดเก็บหรือระบบของบริษัทฯ หรือของบุคคลอื่นที่ให้บริการแก่บริษัทฯ หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้

6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย

บริษัทฯ กำหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ดังนี้

7.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูล

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯ ได้

7.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทฯ มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

7.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ อาจมีการพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม หากแบบแจ้งนี้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ

7.9 สิทธิในการร้องเรียน

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัทฯ ได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทฯ สงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อจำกัดโดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะอย่าง อาจส่งผลให้ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทฯ อาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้บริการใดๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่บริษัทฯ ต้องการ

8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น

บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้แก่บุคคลและหน่วยงาน ดังต่อไปนี้

  • บริษัทในเครือทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยหมายรวมถึงกรรมการผู้บริหาร พนักงาน และบุคลากรของบริษัทฯ เท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • บุคคลและนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้ เช่น ผู้ให้บริการที่เกี่ยวข้อง (เช่น ผู้ให้บริการกล้อง CCTV ผู้จัดงานและจัดกิจกรรมต่างๆ ผู้ให้บริการทางด้านเทคโนโลยี (เช่น ระบบคลาวด์ ระบบบล็อคเชน บริการส่ง SMS บริการ data analytics) ผู้ให้บริการจัดทำโปรแกรมและระบบไอทีต่างๆ ผู้ตรวจสอบ หน่วยงานของรัฐ และบุคคลอื่นที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทฯ สามารถดำเนินการต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์การเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลนี้
  • หน่วยงานอื่นที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว เช่น การเปิดเผยภาพของกิจกรรมผ่านทางสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกบริษัทฯ

ทั้งนี้ การเปิดผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น ในกรณีที่กฎหมายกำหนดให้บริษัทฯต้องขอความยินยอมจากท่านก่อนการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะดำเนินการขอความยินยอมจากท่านก่อน โดยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับการเก็บรักษาเป็นความลับ ทั้งในรูปเอกสารและข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งในระหว่างการส่งผ่านข้อมูลทุกขั้นตอน

อนึ่ง ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

9. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

10. วิธีการติดต่อ

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

เบอร์โทรศัพท์ : 02-335-8999

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

อีเมล : DPOoffice@bcpggroup.com

11. การเปลี่ยนแปลงคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวปฏิบัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะทำการพิจารณาทบทวนเงื่อนไขคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบด้วยการเผยแพร่ผ่านช่องทางที่เหมาะสมของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นระยะ

ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ1 (“บริษัทฯ”) ตระหนักถึงความสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและมีการกำกับดูแล และการบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคล ให้มีความสอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฏหมายที่เกี่ยวข้อง จึงขอแจ้งข้อมูลดังต่อไปนี้ให้ท่านทราบเพื่อเป็นการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการเก็บรวบรวม

บริษัทฯ เก็บรวบรวมภาพที่บันทึกโดยกล้องวงจรปิด ซึ่งรวมทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว (วีดีโอ) ทั้งนี้บริษัทฯ มิได้บันทึกเสียงไว้

2. การเคารพสิทธิในความเป็นส่วนบุคคล

บริษัทฯ เคารพสิทธิในข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล และตระหนักดีว่าเจ้าของข้อมูล ย่อมมีความประสงค์ที่จะได้รับความมั่นคงปลอดภัยเกี่ยวกับข้อมูลของตน ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทฯได้ จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยบริษัทฯ มีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิชอบด้วยกฎหมาย

3. การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลโดยตรง และการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้ รวมถึงการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะขอความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลก่อนหรือขณะทำการเก็บรวบรวมหากกฎหมายกำหนดให้ต้องขอความยินยอม และจะดำเนินการเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นตามวัตถุประสงค์ที่บริษัทฯ ระบุไว้โดยแจ้งชัด

4. วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ เก็บรวบรวมใช้ และเปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านระบบกล้องวงจรปิดตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  • เพื่อควบคุมการเข้าอาคารและสถานที่ ตลอดจนเพื่อสังเกตการณ์ ป้องกัน ขัดขวาง และ (หากจำเป็น) ตรวจสอบการเข้าอาคารและสถานที่โดยมิได้รับอนุญาต เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารและสถานที่ของบริษัทฯ
  • เพื่อการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพนักงาน ลูกค้า ผู้รับเหมาและคู่ค้า อื่น ๆ ผู้มาติดต่อ ตลอดจนทรัพย์สินซึ่งอยู่ในความครอบครองของบริษัทฯ
  • เพื่อควบคุมการเข้าถึงและรักษาความปลอดภัยแหล่งเทคโนโลยีสารสนเทศและฐานข้อมูลของบริษัทฯ
  • เพื่อตรวจสอบ สอบสวน และจัดการกับข้อร้องเรียนภายในบริษัท เช่น กรณีพนักงานโดนกลั่นแกล้งหรือมีเหตุการณ์ล่วงละเมิด
  • เพื่อตรวจสอบและดูแลรักษาความปลอดภัยระหว่างการปฏิบัติงาน เช่น กระบวนการการผลิตของบริษัทฯ กระบวนการซ่อมบำรุงภายในโรงงาน
  • เพื่อตรวจสอบและสอบสวนกรณีเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นอันอาจเป็นภัยหรือกระทบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
  • เพื่อตรวจสอบและสอบสวนข้อเท็จจริงในกรณีเกิดอุบัติการณ์ขึ้นในบริษัท

การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามวัตถุประสงค์ข้างต้นเป็นความจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทฯ หรือเพื่อวัตถุประสงค์ในการปฏิบัติตามสัญญา (ในกรณีที่ท่านเป็นพนักงานหรือคู่สัญญาของบริษัทฯ) ในการควบคุมและรักษาความปลอดภัยบริเวณอาคารและสถานที่ของบริษัทฯ การดูแลรักษาความปลอดภัยของพนักงาน ลูกค้า ผู้รับเหมาและคู่ค้าอื่น ๆ ผู้มาติดต่อ และทรัพย์สินของบริษัทฯ การควบคุมการเข้าถึงและรักษาความปลอดภัยของแหล่งเทคโนโลยีสารสนเทศและฐานข้อมูลของบริษัทฯ การตรวจสอบและดูแลรักษาความปลอดภัยระหว่างการปฏิบัติงาน และการตรวจสอบกรณีเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้นอันอาจเป็นภัยหรือกระทบความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน

ทั้งนี้หากภายหลังมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบ และดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงจัดให้มีบันทึกการแก้ไขเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน

5. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เป็นระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่ท่านได้เข้าอาคารหรือสถานที่ของบริษัทฯ เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว ภาพที่บันทึกไว้โดยกล้องวงจรปิดนั้นจะถูกลบโดยอัตโนมัติ

6. การรักษาความมั่นคงปลอดภัย

บริษัทฯ กำหนดให้มีมาตรการที่เหมาะสม และเข้มงวดในการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ตามนโยบายและแนวปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของบริษัทฯ เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยไม่มีสิทธิหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ทั้งนี้ ภาพที่บันทึกไว้จากกล้องวงจรปิดของบริษัทฯ สามารถเข้าถึงได้โดยหัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลกล้องวงจรปิดนั้นๆ พนักงานปฏิบัติงานที่ดูแลระบบกล้องวงจรปิด รวมถึงผู้ได้รับมอบหมายของบริษัทฯ ในการตรวจสอบระบบกล้องวงจรปิด ในการนี้ บริษัทฯ จะจำกัดการเข้าถึงระบบกล้องวงจรปิดในระดับสูงซึ่งจะมีการป้องกันโดยการใช้รหัสผ่าน (password) และข้อมูลส่วนบุคคลมิอาจเข้าถึงได้โดยมิได้รับอนุญาตจากหัวหน้าหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลกล้องวงจรปิดนั้นๆ

7. สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

ในฐานะที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลท่านมีสิทธิตามที่กำหนดไว้โดยพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงสิทธิต่าง ๆ ดังนี้

7.1 สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม

ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับบริษัทฯ ได้ เว้นแต่การเพิกถอนความยินยอมจะมีข้อจำกัดโดยกฎหมายหรือสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูล

ทั้งนี้ การเพิกถอนความยินยอมจะไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบด้วยกฎหมาย

7.2 สิทธิในการขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลของท่านซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทฯ รวมถึงขอให้บริษัทฯ เปิดเผยการได้มาซึ่งข้อมูลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อบริษัทฯ ได้

7.3 สิทธิในการขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทฯ ได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.4 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวกับท่านสำหรับกรณีการเก็บรวบรวมใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.5 สิทธิในการขอลบข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ลบหรือทำลายหรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.6 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ ระงับการใช้ข้อมูลของท่านได้ตามที่กฎหมายกำหนด

7.7 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง

กรณีที่ท่านเห็นว่าข้อมูลที่บริษัทฯ มีอยู่นั้นไม่ถูกต้องหรือท่านมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเอง ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทฯ แก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด

7.8 สิทธิในการรับทราบกรณีมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

บริษัทฯ อาจมีการพิจารณาทบทวนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบแจ้งนี้ตามความเหมาะสมในบางครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะได้รับความคุ้มครองอย่างเหมาะสม หากแบบแจ้งนี้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ท่านทราบผ่านทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ

7.9 สิทธิในการร้องเรียน

ท่านมีสิทธิในการร้องเรียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หากบริษัทฯ ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าวได้

ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยื่นคำร้องขอใช้สิทธิภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 เมื่อบริษัทฯ ได้รับคำร้องขอดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด อนึ่ง บริษัทฯ สงวนสิทธิที่จะปฏิเสธหรือไม่ดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวได้ในกรณีที่กฎหมายกำหนด ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อจำกัดโดยเลือกที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลเฉพาะอย่าง อาจส่งผลให้ไม่สามารถได้รับบริการจากบริษัทฯ ได้อย่างเต็มที่ รวมทั้งบริษัทฯ อาจจะไม่สามารถทำงานร่วมกับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลหรือให้บริการใดๆ ได้ หากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลไม่ยินยอมให้ข้อมูลที่บริษัทฯ ต้องการ

8. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลกับบุคคลอื่นหรือหน่วยงานอื่น

บริษัทฯ อาจมีความจำเป็นในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้แก่บุคคลและหน่วยงาน ดังต่อไปนี้

  • บริษัทในเครือทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยหมายรวมถึงกรรมการผู้บริหาร พนักงาน และบุคลากรของบริษัทฯ เท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็นเพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล
  • บุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ได้เป็นบริษัทในเครือ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์การเก็บรวมรวบข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้
  • หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ในการกำกับดูแลกฎหมาย หรือที่ร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล โดยอาศัยอำนาจของกฎหมาย หรือที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานอัยการ ศาล เป็นต้น
  • บุคคลหรือหน่วยงานอื่นที่ท่านให้ความยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแล้ว

ทั้งนี้ การเปิดผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนด หรือวัตถุประสงค์ตามที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น

อนึ่ง ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

9. เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ ได้มีการดำเนินการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 โดยแต่งตั้งเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Officer : DPO) เพื่อตรวจสอบการดำเนินการของบริษัทที่เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

10. วิธีการติดต่อ

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทฯ ได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน)

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

เบอร์โทรศัพท์ : 02-335-8999

เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

สถานที่ติดต่อ : บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) เลขที่ 2098 อาคารเอ็ม ทาวเวอร์ ชั้น 12 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงใต้ เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร 10260

อีเมล : DPOoffice@bcpggroup.com

11. การเปลี่ยนแปลงคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และแนวปฏิบัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทฯ จะทำการพิจารณาทบทวนเงื่อนไขคำประกาศคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัทฯฉบับนี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ และกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หากมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงบริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบด้วยการเผยแพร่ผ่านช่องทางที่เหมาะสมของบริษัทฯ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ท่านตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงประกาศฯ ฉบับนี้เป็นระยะ

ประกาศ ณ วันที่ 29 มีนาคม 2565

1 สำหรับเอกสารฉบับนี้ บริษัทในเครือ หมายถึง

บริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี จำกัด

บริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี (บุรีรัมย์) จำกัด

บริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี (บุรีรัมย์1) จำกัด

บริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี (ชัยภูมิ1) จำกัด

บริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี (นครราชสีมา) จำกัด

บริษัท บางจาก โซลาร์เอ็นเนอร์ยี (ปราจีนบุรี) จำกัด

บริษัท ลมลิกอร์ จำกัด

บริษัท บีซีพีจี อินโดไชน่า จำกัด

บริษัท ไทยดิจิทัลเอนเนอร์ยี่เดเวลอปเม้นท์ จำกัด